การพัฒนาเกม ณ ปัจจุบัน มาถึงทางตันแล้วหรือยัง?

Thursday, November 4, 2010
วันนี้มาแปลกหน่อย ขอโพสอะไรยาวๆบ้าง
อันเนื่องมาจากได้ไปอ่านบทความนี้จากบล็อค Unreality หัวข้อคือ Has Video Game development stalled? หรือแปลภาษาชาวบ้านเป็นคำถามว่า เกมสมัยนี้มันหมดไอเดียใหม่ๆกันแล้วหรือเปล่า

เลยขอยกประเด็นนี้มาเอ่ยและถกกับเพื่อนๆพี่ๆน้องๆทุกคนในที่นี้
จะขอแปลไปได้ออกความเห็นตัวเองไปด้วยก็แล้วกันครับ

ปล. โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านนะครับ

จากบทความนั้นได้ออกความเห็นไว้ว่า
เกม "ภาคต่อ" ในปัจจุบันนี้มันดูจะไม่ใช่คำนิยามของคำว่าเกม "ภาคใหม่" อีกแล้ว เกมอย่าง Fable 3, Force Unleashed 2 หรือ Halo Reach ที่ยอดขายถล่มทลายนั้นก็ไม่ได้สร้างความ แปลกใหม่ อะไรเลย
Force Unleashed 2 ภาคต่อของเกม Star Wars franchise ที่ขายดีที่สุดเกมหนึ่งแต่พอภาคสองกลับแย่กว่าภาคแรก หรือเกมอย่าง Halo Reach เกมที่ขายที่ดีสุดของ Xbox360 ในช่วงปีนี้ก็ไม่ได้มีอะไรแปลกใหม่เลย
หรืออีกกรณีก็คือพวก ภาคใหม่ครึ่ง ทั้งหลายแหล่อย่าง Fallout New Vegas นี่ใช่เลย ด้วย ระบบเดิมปรับแต่งนิดโน่นหน่อย(บวกบั๊คไปอีกฝูงนึง) ใส่เนื้อเรื่องใหม่ สถานที่ใหม่ลงไป เขย่าๆๆๆ ได้ออกมาละ Fallout 3 ครึ่ง ระบบต่างๆอาจถูกปรับแต่งให้ดีขึ้นบ้าง แต่คงจะเรียกว่าเป็นภาคใหม่เลยคงไม่ได้ กลับกันนะครับ เกมซีรี่ย์ The Elder Scrolls กลับมีการพัฒนาที่ชัดเจนและเป็นไปในทางที่ถูกที่ควร (New Vegas Obsidian พัฒนาน่ะแต่ Bathesda ก็เป็นผู้ผลิตนะ)

ส่วนหนึ่งอันเนื่องมาจากอุตสาหกรรมเกมนั้นค่อยๆแปรสภาพไปเหมือนอุตสาหกรรมภาพยนต์ คือใช้ทุนสูงขึ้น ทุ่มโฆษณามากขึ้น ส่วนเหล่าผู้ผลิต(Publisher) ก็หิวกระหายเงินจนบางทีก็ส่งผลเสียกับการพัฒนาเกมได้ เมื่อเหล่าผู้ผลิตเห็นว่า Franchise ไหนขายดี ก็จะพยายามเข็นเกมใหม่ๆใน Franchise นั้นออกมาเรื่อยๆ ผลดีมันก็มีที่แฟนๆของเกมเหล่านั้นก็คงดีใจ แต่บางทีมันก็เป็นการปิดโอกาสในการสร้าง IP หรือคิดค้นไอเดียอะไรใหม่ๆเช่นเดียวกัน อย่างเช่นตัวอย่างกรณี Infinity Ward ปะทะ Activision นั่นไงที่เป็นกรณีดีเด่นเหรียญทองในเรื่องนี้เลยก็ว่าได้ครับ

IP ใหม่? อะไรคือ IP ใหม่ จากชาร์ตยอดการขาย SKUs (Stock Kepping Unit) ของตามร้านค้าเกมในช่วงตั้งแต่ต้นปี 2010 ถึงปัจจุบัน ก็เห็นจะมีแต่ Just Dance (Wii) เท่านั้นที่เป็น IP ใหม่ o_O" นอกนั้นเป็นเกมภาคต่อ(ที่เท่าไหร่ก็แล้วแต่) ทั้งนั้น

ทุกบริษัทผู้นำต่างโดนข้อหานี้หมดครับ ไม่ว่าจะเป็น Sony ที่ก็เข็น Killzone กับ God of War ออกมาเรื่อยๆสำหรับช่วงหลังๆมานี้ Microsoft ก็เหมือนจะก้าวถอยหลังอย่างช้าๆกับ Fable และ Halo (ซึ่งคาดว่าน่าจะหมดแล้วนะ) หรือค่ายปู่นินที่ก็รู้ๆกันว่าเข็นเกมของตัวละครยอดฮิต 4-5ตัวที่มีออกมาเรื่อยๆ

แต่ก็ไม่ใช่จะไม่มีแสงสว่างในความมืดซะเลย เพราะว่ายังมีเกมภาคต่อดีเด่นอย่าง Red Dead Redemption (ภาคต่อของ Red Dead Revolver) ที่ให้เราได้สัมผัสกับโลก Open World สไตล์ตะวันตกแบบเต็มที่ (ซึ่งจริงๆแล้วไอเดียมันก็มาจาก GTA นั่นแหละ แต่ถ้าเทียบกับภาคแรกแล้วก็คงเรียกว่าพัฒนาไปอย่างมาก) และอีกเกมก็คือ Assassin's Creed 2 ที่หลายคนชื่นชอบ ถึงแม้ว่า Gameplay จะคล้ายกับเกมภาคแรกแต่ด้วยจากการที่ทางผู้พัฒนานั้นนำข้อติติงของแฟนๆแทบจะทุกเรื่องไปแก้ไขจนเรียกได้ว่าแก้ข้อเสียจากภาคแรกไปแทบทั้งหมดเลยก็ว่าได้

แล้วเกิดอะไรขึ้นกับผู้พัฒนาอื่นๆกันล่ะ มันสมองไม่มีกันแล้วหรืออย่างไร (รมเสีย!)
หรือว่าอาจจะมาจากประเด็นเหล่านี้ก็เป็นได้

อันดับแรกก็คือ เรายังคงต้องติดอยู่กับ Console ณ Generation นี้ไปอีกพักใหญ่ และผู้ที่ทำให้มันเป็นแบบนี้ก็คือเจ้า Wii นี่เอง

ก่อนอื่นอยากให้ดูจำนวนยอดขายสูงสุดของแต่ละเครื่องกันซะหน่อยก่อน ขอเริ่มที่ Xbox 360 กันก่อน โดยมือวางอันดับ 1 ก็คือ Halo 3 ที่ทำยอดขายไปได้ถึง 8.1 ล้านก๊อปปี้เลยทีเดียว ซึ่งยอดขายนี้ก็ทำให้ Bungie กับ Microsoft รวยกันเละเทะเลยทีเดียว
ต่อมา Playstation 3 เกมอันดับต้นตารางก็คือ Call of Duty: Modern Warfare 2 ที่ทำยอดไปได้ 4.8 ล้าน ก็นับว่าไม่น้อยเลยทีเดียว
ส่วนของ PC เกมที่ทำยอดขายสูงสุดก็คือ The Sims ภาคแรกที่ขายไปได้มากกว่า 16 ล้านก๊อปปี้ซึ่งนับเป็นปรากฎการณ์เลยก็ว่าได้สมัยนั้น ลูกเด็กเล็กแดง เพื่อนพี่พ่อต่างเล่นเกมนี้กันแทบจะทุกคน

แต่เดี๋ยวก่อนครับ...... แล้วของ Wii ล่ะ ฮึ เครื่อง Wii น่ะหรอจะมาสู้เครื่อง Hardcore ของเหล่าเกมเมอร์อันแท้จริงได้
หลายคนคงคิดแบบนี้ แต่ดูครับดู Wii Sports ครับ ขายไปได้ 67.71 ล้านก๊อปปี้ครับ มากกว่า Halo 3 ประมาณ 8 เท่า หรือมากกว่า COD MW2 แค่ 14 เท่า แค่นั้นเอง โอวแม่เจ้าาา

เอาล่ะขอกลับเข้าเรื่องต่อ
ทำไมถึงจะต้องกล่าหา Wii Wii ผิดอะไร
ก็อันเนื่องมาจากระบบ Motion Control ที่มันแสนจะสนุกสนานเพลิดเพลินได้ออกกำลังและโคตรรรจะ innovative นี่แหละครับ ทำให้เหล่าบริษัทท่านผู้นำที่เหลือต่างมองจ้องตาลุกเป็นไฟ และก็อย่างที่ทราบกันดีว่า แทนที่เราจะได้พบกับ Console ตัวใหม่ Update ตามชั่วระยะเวลาการหมุนเวียนเปลี่ยนซีซั่นแบบที่ผ่านมานั้น เรากลับจะได้ระบบควบคุมแบบ Motion Control มาแทนกับ Sony Move(แท่งหรรษา หรือใครจะเรียน เทียนหรรษาก็ไม่ว่ากัน) และ Kinect ของ Microsoft
บางคนอาจจะตื่นเต้นครับ กับณวัตกรรมใหม่เหล่านี้ ใครที่ชอบหรือติดตามเทคโนโลยีใหม่ๆมี Iphone มันทุกรุ่น (ซึ่งเค้าก็ออกใหม่ทุกปีนะ) อะไรทำนองนั้นก็คงตื่นตาตื่นใจ แต่สำหรับ Gaming? ณวัตกรรมใหม่นี้นั้น ไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรกับเกมที่ได้กล่าวไปก่อนหน้านี้เลยแม้แต่น้อย หรือพูดง่ายๆว่า เกมของคนเล่นเกมจริงๆก็ไม่ได้รับผลกระทบอะไรด้วยเลย (หรืออาจจะมีในอนาคตก็ไม่แน่ แต่โปรดดูภาพ เห็นแล้วอาจละเหี่ยใจ)

การต่อสู้ทางการตลาดคงจะไปฟัดกับเกมอย่าง Wii Sports เกมเต้น หรือว่า Party เกมต่างๆ
ณ ปัจจุบันนี้ก็ถึงจุดที่เกือบจะเรียกได้ว่าสูงสุดของ Console รุ่นปัจจุบันได้แล้ว คือพัฒนาจนไม่รู้จะทำยังไงแล้ว (แล้วที่ใครเคยบอกว่า PS3 ปัจจุบันยังใช้ความสามารถของเครื่องได้ไม่เต็มที่เพราะมัน "แอดแว๊นซ์" เกินไปน่ะมันตรงไหน รอนานแล้วนะ อยากเห็นแบบสุดยอดซักที)
สิ่งที่ในบทความกล่าวถึงตรงนี้ก็คือว่าระบบมันต้องพัฒนาไปพร้อมกันทุกส่วน จะใส่ Eye Toy, Motion Control, Vibrator อะไรมาก็แล้วแต่เถอะ แต่ช่วยเริ่มพัฒนา System ใหม่ด้วย มิฉะนั้นเราก็จะได้เห็นเกมแบบเดิมๆซ้ำไปซ้ำมาๆไม่รู้จบ

ข้อสันนิฐานอันดับต่อไป ซึ่งอันนี้ผมเห็นด้วยมากนะครับ นั่นก็คือ รสนิยมแบบกระปิดกระปอย หรือภาษาเกมเมอร์ก็คือเหล่า DLC (Downloadable Contents) นั่นเอง
DLC ก็เปรียบเสมือนดาบสองคมอีกเช่นกันครับ เพราะว่านอกจากจะเป็นการเพิ่ม Content ต่างๆสำหรับเกมอันเป็นที่รักยิ่งของเราเกมนั้นๆให้มีอะไรใหม่ๆเล่น ก็เป็นการทำให้การคิดค้นหรือพัฒนาเกมภาคต่อมันช้าลงไปด้วย หรือบางทีก็กลายเป็นทำให้ตัวเกมดั้งเดิมนั้นมี Content น้อยๆไปก่อน แล้วค่อยปล่อย DLC มาหลอกแดกอีกทีในภายหลังด้วยคำโฆษณาชวนจะเชื่อทั้งหลายแหล่ (เรียกว่าออกแบบ กระปิดกระปอย คือค่อยๆออกทีละนิด ไม่ออกมาแบบทั้งหมดในคราวเดียว อย่าคิดเป็นอื่นไปล่ะ)
ตัวอย่างที่ชัดเจนและโดดเด่นเลยก็คือเกม Borderlands ที่ตัวเกมนั้นโดยรวมแล้วค่อนข้างจะสั้น หลังจากเวลาผ่านไปร่วม 2 ปีได้ เกมได้ออก DLC มารวมทั้งหมด 4 ตัว ตัวละ 10 เหรียญ สรุปแล้วเราต้องจ่ายเงินไปกับเกมทั้งหมดกว่า 100 เหรียญ ซึ่งในความเป็นจริงบาง DLC น่าจะรวมมากับตัวเกมภาคหลักซะด้วยซ้ำไป ในขณะเดียวกัน (อันนี้ขอยกตัวอย่างเกมที่ชอบหน่อยละกัน) เกมอย่าง Dragon Quest IX ที่ให้ผู้เล่นได้ Download Quest เสริมต่างๆหลังจบเกมได้ ฟรี! ซึ่งทำให้สามารถะเล่นเกมได้ยาวนานไปถึงกว่า 200 ชั่วโมง
ในบทความยกตัวอย่างกรณี Fable 3 อีก (คนเขียนเค้าชอบ Fable 2 มากและผิดหวังกับภาค 3 มาเหมือนกันเนื่องจากช่วงครึ่งหลังของเกมนั้นน่าเบื่อมากและภารกิจหลังจากเป็น King นั้นก็น่าเบื่อได้อีก) โดยกล่าวว่าการที่จะมี DLC เควสเสริมที่จะแก้ความน่าเบื่อของเควสอันน่าเบื่อในเกมตามออกมา แต่สำหรับผู้เล่นหรือผู้บริโภคต้องจ่ายอีก 10-15 เหรียญเพื่อแก้ปัญหาหรือความห่วยของการออกแบบเกมของบริษัทนั้นๆด้วยหรือ?

ที่กล่าวมาทั้งหมดนั้นผู้เขียนไม่ได้บอกว่า เกมที่กล่าวไปนั้นไม่สนุกหรืออะไร เพียงแต่ดูเหมือนว่าเราจะไม่ได้ก้าวไปข้างหน้าด้วยสปีดที่เท่าเดิมแบบแต่ก่อน การไปเน้นที่ระบบ Motion Control นั้นอาจจะเรียกได้ว่าเป็นการก้าวถอยหลังสำหรับการพัฒนาเกมและ DLC ก็ทำให้เกมอันแสนแพงนั้นมันหดเล็กลงไปอีก นี่อาจจะเป็นเพียงแค่การกล่าวพรรณาจากการสังเกตุแต่ผู้เขียนเชื่อว่าหลายคนก็คงเห็นเช่นเดียวกับเค้า

สำหรับผมค่อนข้างเห็นด้วยเลยทีเดียว เกมสมัยใหม่ๆนี้มันดูตื่นเต้นตระการตามากกว่าเดิมมากๆก็จริง แต่มันก็ดูฉาบฉวยและมุ่งเน้นการตลาดมากเกินไปในบางกรณี สำหรับผู้ที่อุดหนุนของแท้ทุกคนคงอาจจะคิดแบบเดียวกับผมว่าบางทีจะตามเกมดีๆเกมนึงที่แม๊งงงก็ออกภาคใหม่มาแบบแทบทุกปี บางทีมันก็ไม่ไหวนะ เหล่า Publisher สมัยนี้ด้วยเม็ดเงินมหาศาลก็ดูหน้าเงินเกินไปเหมือนกัน ซึ่งทำให้คิดถึงสมัยก่อนๆที่เกมเกมนึงกว่าจะเข็นออกมาได้นี่บางทีรอกันจนลืม แต่บางเกมที่ดีจริงๆก็หยิบเอามาเล่นใหม่ได้บ่อยๆ บอกตรงๆว่าเกม Xbox360 มีน้อยเกมมากๆที่ถ้าเล่นจบแล้วจะเอามาเล่นอีก อาจจะเรียกว่ามันไม่ คลาสสิค ก็เป็นไปได้ แต่กลับกันทำไมเกมอย่าง Acanum, Diablo 2, Bulder's Gate ก็ยังเอากลับมาเล่นใหม่ได้เรื่อยๆเมื่อเวลาผ่านไป ทำไมบางคนยังเล่น Heroes of Migth & Magic, Civilization, Sims City ภาคเก่าๆได้อยู่มาเป็นสิบกว่าปี ผมว่าเกมสมัยใหม่มันขาดตรงนี้ไปนะ หรืออาจจะเพราะพออายุมากขึ้น เวลาไม่ได้มีถมถืดเหมือนก่อนๆมันก็เลยไม่ได้แบบอยากติดตามไปซะทุกเกมแบบแต่ก่อนก็เป็นได้ น้องๆหรือเพื่อนๆหลายคนอาจจะไม่เห็นด้วยเพราะอาจจะยังสนุกที่ได้ลองได้สัมผัสความตื่นเต้นใหม่ๆไปเรื่อยๆอยู่ก็เป็นได้

จริงๆแล้วการพัฒนาที่อยากเห็นมันไม่ใช่้แค่เรื่องกราฟฟิคหรือเกมเพลย์หรอก แต่ผมว่ามันหมายถึงแบบรวมๆมากกว่า ยกตัวอย่าง company of heroes มานี่แหละใช่เลยเป็นตัวอย่างที่ดีมากๆ ทั้งที่เรื่องราวภายในเกม + โลกเกมมันก็สงครามโลกครั้งที่สองที่ถูกใช้มาจนพรุนแล้วพรุนอีกนี่แหละ แต่ผมถือว่า COH คือ 1 ในเกมที่เป็นการก้าวไปข้างหน้า เป็นการวางรากฐานใหม่ให้กับเกม RTS อย่างแท้จริงเกมหนึ่งเลย

อีกอย่างเลยที่ผมอยากจะพูดก็คือ จริงๆแล้วเราต้องการอะไรที่มันแปลกใหม่จริงๆหรือเปล่า? อยากให้ทุกคนได้ถามตัวเองเหมือนกัน ใช่ครับที่ความแปลกใหม่มันเป็นสิ่งที่ดี แต่บางครั้งแค่ทำสิ่งเก่าๆให้มันออกมาดีสมบูรณ์แบบจริงๆผมว่าผมก็รับได้นะ มันเป็นคนละส่วนกันคืออย่าง เกมที่สร้างความแปลกใหม่จริงๆอันนั้นก็น่ายกย่อง แต่เกมที่ "ดี" จริงๆถึงจะไม่ต้องแปลกใหม่อะไรมากแต่ของดีก็น่าสนับสนุนเหมือนกัน
ในกรณีที่บทความกล่าวไปผมว่าส่วนใหญ่โดยรวมนั้นหมายถึงพวกเกมที่มุ่งหวังทาง การตลาด เอาภาคเก่ามาเขย่าๆใส่ขวดใหม่สวยหรูหน่อยแล้วมาหลอกแดกตังผู้บริโภคอะไรแบบ นั้นมากกว่า ซึ่งตลาดเกมในปัจจุบันหลายเกมที่เป็นแบบนั้นเลยเอาจริงๆ

เรื่อง Nintendo ก็เป็นอีกส่วนที่จริงครับที่ถึง IP เก่าลายครามหลายตัวถูกเอามาทำโน่นทำนี่แนวโน่นแนวนี่ ซึ่งบางครั้งก็น่ายกย่องมาก อย่าง Mario&Luigi Bowser's Inside Story ภาคล่าสุดเนี่ย เป็นเกมที่ถือว่า Entertain มากๆเกมหนึ่งและผมยอมซื้อของแท้เลยเช่นกัน เกมอย่างพวก Mario Cart หรือ Party ที่ออกมายังไงก็ยังมีคนเล่นก็ยังขายได้อยู่วันยังค่ำ ผมถึงบอกไปว่าจริงๆมันแบ่งเป็นสองประเด็นคือ เกมที่สร้างความแปลกใหม่ กับเกมที่มันดีจริงๆ ยังไงมันก็ขายได้และน่าเชิดชู ไม่เหมือนอีกหลายๆเกมที่ฉาบฉวยยอดขายอาจจะดีในช่วงแรกที่วางตลาด แต่อายุการใช้งานหรืออายุในการเล่นนั้นมันช่างต่ำซะจนน่าใจหาย

เรื่อง Kinect นี่อยากขยายความ เพราะจากที่ Update Dashboard ล่าสุดรวมกับการได้กวาดตาดูและหาข้อมูลเกมที่โปรโมตรออกมาในช่วงแรกนี้ บอกตรงๆว่าผมหมดความสนใจไปค่อนข้างเยอะเหมือนกันทั้งๆที่ตอนที่เผยข้อมูล Kinect ออกมาแรกๆนี่ก็ค่อนข้างตื่นเต้นนะครับ ซึ่งผมไม่ได้บอกว่ามันเรื่องที่แย่หรือห่วยอะไรนะ แต่เท่าที่ดูรายนามเกมที่จะออกมันเน้นกลุ่ม Casual มากๆ เรียกว่าเต็มๆเลยก็ว่าได้ พวก Kinect Adventures หรือพวกเกม Dance ทั้งหลาย บอกตรงๆว่ายังไม่โดน อยากถามพวกเราเหล่าเกมเมอร์เหมือนกันว่าเกมที่อยู่ในลิสต์ปัจจุบัน พวกคนอย่างเราๆเนี่ยสนใจเกมไหนจริงๆจังๆบ้างมั้ย สำหรับผมบอกได้เลยว่ายังไม่มี
แต่อย่างที่ว่า ผมไม่ได้บอกว่า Kinect มันห่วยหรืออะไร เพียงแต่เท่าที่เห็นในตอนนี้กลุ่มตลาดมันยังไม่ใช่ ในอนาคตก็อาจจะไม่แน่ อาจจะมีเกมที่ดีหรือเกมที่เหมาะสำหรับ Gamer จริงๆสำหรับเล่นกับ Kinect ก็เป็นไปได้ ก็ต้องรอกันต่อไป แต่ก็อยากให้ลองคิดตรึกตรองกันล่ะครับว่าเกมเมอร์อย่างเราๆอยากได้ Motion Control กันจริงๆหรือเปล่า และจะเอาไปทำอะไร?

สรุปอีกทีว่า มันคงเป็นความคิดของคนที่มีอายุมีความรับผิดชอบอย่างอื่นมากขึ้นด้วย หมายถึงว่าเราไม่ได้มีเวลาเล่นเกมแบบทั้งคืนทั้งวันแบบก่อนๆ แบบเล่นเกมใหม่ๆอาทิตย์เดียวจบได้ (เกมล่าสุดที่เล่นแบบจริงจังและจบเร็วหน่อยสำหรับผมคือ Risen ครับ) เลยอาจจะทำให้ผมมีไอเดียที่ค่อนข้างจะต่อต้านพวกการตลาดสำหรับเกมในปัจจุบัน นี้อยู่บ้าง อย่างพวกเกมอย่าง Mass Effect, Dragon Age ที่ออกภาคใหม่ปีต่อมา พูดตรงๆเลยว่าภาคแรกยังเล่นไปไม่ถึงไหนเลยมีภาคใหม่ออกมาอีกแล้วหรือ บางทีมันเลยเกิดความรู้สึก ขี้เกียจจะตาม ขึ้นมาบ้าง ความคิดนี้อาจจะไม่เกิดกับเพื่อนๆน้องๆที่ติดตามเกมนั้นๆอย่างจริงจัง ก็คงเป็นผลดีที่ได้เล่นภาคต่อ(ครึ่ง)แบบไม่ต้องรอนาน และภาคต่อมันก็ไม่้ใช่จะแย่เสมอไป บางเกมก็ทำออกมาดีมากจริงๆก็ยอมรับครับ แต่สำหรับผมอยากได้เกมที่แบบเล่นไปได้นานๆหลายๆปีมากกว่าก็เท่านั้นเองครับ

ก็ขอฝากไว้เท่านี้ละกันครับ